AROMASENZ

แล้วสารแห่งความสุขเกี่ยวข้องกับปัญหาได้อย่างไร ?

❀ ปัญหาทางด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ ❀

ㅤㅤแน่นอนว่าคนส่วนมากมักประสบพบเจอกับปัญหานี้ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เช่น รู้สึกทุกข์ ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร ไม่มีสมาธิ จิตฟุ้งซ่าน ทำงานก็ทำได้ไม่ดี เรียนก็ไม่รู้เรื่อง มีอารมณ์หงุดหงิด วิตกกังวล หรือจะเป็นความไม่สบายกาย ปวดเมื่อย ไม่สบาย ปวดหัว ซึ่งการที่รู้สึกแบบนี้เกิดจากการที่ร่างกายขาดสารแห่งความสุข ที่ชื่อว่า เซโรโทนิน สารแห่งความสุขนี้จะช่วยให้คุณมีสุขภาพกายและใจที่ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรง เนื่องจากช่วยส่งเสริมการนอน โดยเซโรโทนินเป็นส่วนประกอบในการสร้างเมลาโทนิน หรือสารแห่งการนอนหลับ จึงช่วยส่งเสริมคุณภาพการนอนให้มีประสิทธิภาพ ถ้าเรานอนหลับดีก็ส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพดีได้เช่นกัน นอกจากนี้เซโรโทนินยังมีผลต่อด้านจิตใจ ช่วยให้มีความรู้สึกสงบนิ่ง  ใจเย็น มีสติ มีสมาธิ และไม่หวั่นไหวแม้ในภาวะวิกฤต ส่งเสริมให้เราเป็นคนมีบุคคลิกที่พึ่งพาได้ ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดไป ก็ส่งผลให้เรามีปัญหาเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ 

❀ ปัญหาทางด้านความสัมพันธ์และความรัก ❀

ㅤㅤมนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ทุกคนมักมีความสัมพันธ์อยู่รอบๆตัว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ความรักกับแฟน หรือคู่สามีภรรยา หรือเป็นความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงาน ปัญหาที่เกิดจากความสัมพันธ์ เช่น รู้สึกเหงา โดดเดี่ยว เข้าสังคมไม่เก่ง รู้สึกแปลกแยก ไม่มีใครคอยช่วยเหลือและสนบสนุน นั่นอาจเป็นเพราะเราขาดการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น จึงทำให้ร่างกายไม่มีการหลั่ง ออกซิโทซิน ออกมา จึงไม่เกิดความสุข ออกซิโทซินเป็นสารแห่งความสุข ที่ร่างกายหลั่งออกมาเมื่อมีความรักความผูกผัน มิตรภาพ ความซาบซึ้งใจ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้เรามีความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และอบอุ่น เมื่อขาดออกซิโทซิน จึงทำให้คุณรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว ไม่มั่นใจในความสัมพันธ์กับคนอื่น

❀ ปัญหาทางด้านการเรียน การงานและความมั่นคง ❀

ㅤㅤการไปถึงเป้าหมายนั้นเป็นเรื่องที่ยาก หลายคนอาจประสบปัญหา การขาดสมาธิ หรือแรงบันดาลใจ ในการเรียน การทำงาน เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีแรง รู้สึกไม่สดชื่น ผัดวันประกันพรุ่ง พอทำงานไม่เสร็จสักที ทำให้ไม่มีความสุข เพราะร่างกายไม่มีการหลั่ง โดพามีน โดพามีนเป็นสารแห่งความสุข ที่ร่างกายหลั่งออกมาเมื่อเราประสบความสำเร็จแล้ว ทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ที่ทำให้เรารู้สึก กระปรี้กระเปร่า สดชื่น มีพลังงาน และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแรงบันดาลใจ และ พลังใจ เพราะโดพามีนหลั่งออกมา เราจึงพยายามเพื่อไปสู่ผลลัพธ์คือ ความสำเร็จ ดังนั้นเมื่อขาดโดพามีน ร่างกายจึงขาดแรงบันดาลใจ และพลังงานในการก้าวสู่ความสำเร็จ

ปัญหาทั้งสามด้านส่งผลให้เกิดความเครียด !!

ㅤㅤความเครียดเกิดจาก ปัญหา ความทุกข์ และอุปสรรคที่เราเจอ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสุขภาพกายและใจ ปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ หรือปัญหาเรื่องการเรียน การงาน ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายและสมองให้มีการตอบสนองโดยการหลั่งสารแห่งความทุกข์ คือ คอร์ติซอล ออกมา ซึ่งเป็นสารสื่อ ประสาท หรือฮอร์โมนที่ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก ทำให้เราเกิดความเครียด ในทางเดียวกันเมื่อเรามีความเครียด ความเครียดนั้นก็จะยิ่งไปกระตุ้นทำให้ปัญหายิ่งแย่ลง

ㅤㅤความเครียดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือแบบความเครียดแบบเฉียบพลัน และความเครียดเรื้อรัง หากเรากำลังประสบปัญหากับความเครียดที่พึ่งเข้ามา เราควรรีบจัดการและควบคุมความเครียดนั้นไม่ให้พัฒนาไปเป็นความเครียดเรื้อรัง เพราะความเครียดเรื้อรังจะส่งผลต่ออารมณ์ ถ้ามีอารมณ์และความรู้สึกที่มากเกินไปจะก่อให้เกิด โรควิตกกังวล แต่หาก มีอารมณ์และความรู้สึกน้อยเกินไปจะทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นควรรีบจัดการความเครียดตั้งแต่ระยะแยกๆ ก่อน ที่จะกลายเป็นโรคทางจิตเวชที่ยากต่อการรักษา

สารแห่งความสุขและสารแห่งความทุกข์สัมพันธ์กันอย่างไร ?

ㅤㅤสารแห่งความสุข ชนิดเซโรโทนิน และออกซิโทซิน เป็นสารแห่งความสุขที่เป็นรากฐาน และหายไปได้ยาก และมั่นคง ต่างจากความสุขแบบ โดพามีนที่เป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน ดังนั้นถ้าเราอยากมีความสุขโดยแท้จริง เราต้องสร้างรากฐานให้มั่นคงก่อน เมื่อเรามีฐานที่มั่นคง เมื่อความสุขที่ครั้งคราวเข้ามา ก็จะทำให้เรานั่นมีความสุขที่ยิ่งทวีคูณ เช่น การทำงานที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเงินทองมากมาย ก็ต้องเริ่มจากการมีสุขภาพกายและใจแข็งแรง พร้อมสำหรับการทำงาน การได้รับการสนับสนุนและการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ก็จะยิ่งส่งเสริมเราให้ชีวิตมีแต่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน เมื่อเข้าใจหลักการที่แท้จริง ก็จะทำให้ชีวิตยิ่งมีความสุขได้ง่ายขึ้น ในทางทฤษฎีนั้น เมื่อสารแห่งความสุขเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้เครียดน้อยลง จึงส่งผลให้สารแห่งความทุกข์ลดลง แต่หากถ้าสารแห่งความสุขลดลง สารแห่งความทุกข์จะเพิ่มขึ้น ทำให้เรารู้สึกเครียด เราควรปรับพฤติกรรม แนวคิด หรือหาวิธีช่วยให้สารในร่างกายเราทั้งสองชนิดสมดุลกัน ให้สุขและทุกข์อยู่ร่วมกันได้

สร้างสุข ลดทุกข์ ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ?

ㅤㅤการสร้างสุข ลดทุกข์ คือการทำปรับเปลี่ยนแนวคิดหรือพฤติกรรม เพื่อให้เกิดความสมดุลกันของสารแห่งสุขและสารแห่งความทุกข์ ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายวิธี เช่น การบำบัดจิตด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy) ซึ่งเป็นการทำจิตบำบัดที่เน้นการพูดคุย ใช้ความคิดและพฤติกรรมของเราเองเป็นเครื่องมือในการออกจากปัญหา เช่น หากคุณรู้สึกเศร้า เสียใจ โทษตัวเองที่ทำงานไม่ได้ ก็ให้ปรับความคิดเปลี่ยนอุปสรรค ปัญหา เป็นความท้าทาย และปรับพฤติกรรมการทำงานหรือการใช้ชีวิต เพื่อส่งเสริมการสร้างแรงบันดาลใจ หาแนวทาง การแก้ปัญหาที่เข้ากับตัวเอง อีกหนึ่งที่วิธีที่ช่วยทำให้เกิดสมดุลระหว่างสารแห่งความสุขและสารแห่งความทุก คือ การใช้ศาสตร์ Aromachology ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ศึกษาอิทธิพลของกลิ่นต่ออารมณ์ความรู้สึก และพฤติกรรม โดยใช้ทั้งน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติและสารหอมที่มีความจำเพาะต่ออารมณ์

กลิ่นมีปฏิสัมพันธ์กับสมองอย่างไรจึงก่อให้เกิดการตอบสนอง

ㅤㅤกลิ่นของอโรมาเทอราพีจะไปกระตุ้นเซลล์ประสาทรับกลิ่นที่อยู่บริเวณเพดานภายในช่องจมูก จากนั้นเซลล์รับกลิ่นจะส่งกระแสประสาทผ่านเส้นประสาทไปยังสมอง เพื่อให้สมองแปลสัญญาณกลิ่นที่ได้รับ หลังจากนั้นกลิ่นจะไปกระตุ้น ระบบประสาท ลิมบิก (Limbic system) ซึ่งมีหน้าที่ในการรับรู้เกี่ยวกับอารมณ์ พฤติกรรม และ ความทรงจำ ส่งผลต่อไปยังสมองส่วนไฮโพทาลามัส(Hypothalamus) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย ความดันโลหิต ความต้องการพื้นฐาน รวมถึงสร้างฮอร์โมนหลายชนิด

ㅤㅤสมองจะหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) หรือที่เรียกว่าสารแห่งความสุขออกมามากขึ้น มีผลต่ออารมณ์ การรับรู้ การทำงานของร่างกาย และพฤติกรรม  ช่วยในการนอนหลับ ผ่อนคลายความเครียด คลายความวิตกกังวล และซึมเศร้า สามารถใช้เป็นทางเลือกในการรักษาภาวะที่มีความวิตกกังวลและซึมเศร้าได้

ㅤㅤกลิ่นบางชนิดเช่น ดรีมเซนส์ (Dreamsenz) ช่วยหลั่งสารแห่งความสุข เซโรโทนิน(Serotonin) ได้

ㅤㅤกลิ่นบางชนิด เช่น ดอนเซนส์ (Dawnsenz) ยังส่งผลให้สมองหลั่ง โดปามิน(Dopamine) สารที่ช่วยให้มีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิ

ㅤㅤกลิ่นของ สเปรย์อโรมา ดรีมเซนส์ (Dreamsenz) ยังไปจับกับตัวรับ กาบา (Gaba) ที่เป็นตัวช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ลดความกังวล สมองเกิดความสงบ และช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะหลับได้ง่าย

ㅤㅤนอกจากนี้กลิ่นบำบัดยังส่งผลต่อสุขภาพอื่นๆ เช่น ต้านเชื้อจุลินทรีย์ บรรเทาอาการปวดและอักเสบ มีฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ขับลม ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร แก้ปวดเกร็งในท้อง มีฤทธิ์ต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ขับเสมหะ ละลายเสมหะ ช่วยลดการคั่งของมูกเมือก

ㅤㅤนอกจากนี้กลิ่นบำบัดยังส่งผลต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น ต้านเชื้อจุลินทรีย์ บรรเทาอาการปวดและอักเสบ มีฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ขับลม ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร แก้ปวดเกร็งในท้อง มีฤทธิ์ต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ขับเสมหะ ละลายเสมหะ ช่วยลดการคั่งของมูกเมือก

ㅤㅤโมเลกุลของกลิ่นยังกระตุ้นเซลล์ประสาททำให้ถ่ายทอดสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทไปยังสมองในรูปแบบสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่า คลื่นสมอง (Brainwaves) กลิ่นที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดคลื่นไฟฟ้าที่มีความถี่ที่แตกต่างกัน และรูปแบบคลื่นสมองแต่ละชนิดเกี่ยวข้องกับสภาวะทางอารมณ์ กระบวนการรู้คิด และสุขภาพโดยรวมที่ต่างกัน คลื่นสมองสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด ตามความถี่ดังนี้

ㅤㅤความถี่ที่ต่ำกว่าคลื่นอัลฟ่า (คลื่นธีต้าและเดลต้า) จัดเป็นคลื่นช้า (Slow waves) ในขณะที่คลื่นเบต้าซึ่งมีความถี่สูงกว่าคลื่นอัลฟ่า จัดเป็นคลื่นเร็ว (Fast waves)

ㅤㅤน้ำมันหอมระเหยแต่ละกลิ่นทำให้เกิดคลื่นสมองที่มีความถี่ต่างกัน ส่งผลต่อการตอบสนองทางกระบวน การรู้คิดและสภาวะทางอารมณ์ในมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น

ตำรับ Dreamsenz

ลาเวนเดอร์ : ทำให้คลื่น “อัลฟ่า” ลดลง และ คลื่น “เดลต้า” เพิ่มขึ้น (Slow waves)

คาร์โมมายด์ : ทำให้คลื่น “อัลฟ่า” ลดลง

ไม้ซีดาร์ : ทำให้คลื่น “เบต้า” ลดลง (Fast waves)

ㅤㅤดังนั้น ตำรับ Dreamsenz จึงสามารถช่วยทำให้หลับลึก ส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับ ส่งเสริมความจำ ความสามารถในการตัดสินใจ

ตำรับ Dawnsenz

มะกรูด : ทำให้คลื่น “อัลฟ่า” เพิ่มขึ้น คลื่น “เบต้า” เพิ่มขึ้น (Fast waves) คลื่น “ธีต้า” เพิ่มขึ้น (Slow waves)

ตะไคร้ภูเขา : ทำให้คลื่น “เบต้า” เพิ่มขึ้น (Fast waves) *ตะไคร้ภูเขาเป็นองค์ประกอบหลักในตำรับ Vigoriz อีกด้วย

ส้มแทนเจอริง : ทำให้คลื่น “เบต้า” เพิ่มขึ้น (Fast waves)

ㅤㅤส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทรับสัมผัส กระบวนคิด การมีสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มความตื่นตัว การจดจ่อ ความสดชื่น เพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน

กลิ่นมีปฏิสัมพันธ์กับปอดอย่างไรจึงก่อให้เกิดการตอบสนอง ?

ㅤㅤโมเลกุลน้ำมันหอมระเหยสามารถเข้าสู่ปอด โดยแทรกเข้าในถุงลมเล็กๆภายในปอด และเข้าสู่กระแสเลือด สามารถแทรกซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อของทางเดินหายใจ และมีผลเฉพาะที่ เช่น ฆ่าเชื้อ คลายกล้ามเนื้อเรียบ ป้องกันการหดเกร็งของหลอดลม ขับเสมหะ

💪แนวทางเสริมสร้างความสุขแบบเซโรโทนิน (สุขภาพกายและใจ)💪

ㅤㅤหากคุณกำลังเจอปัญหารู้สึกทุกข์ ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร ไม่มีสมาธิ จิตฟุ้งซ่าน มีอารมณ์หงุดหงิด วิตกกังวล หรือจะเป็นความไม่สบายกาย ปวดเมื่อย ไม่สบาย ปวดหัว ทาง Aromasenz ขอแนะนำ อโรมาสเปรย์ ตำรับดังนี้